เกริ่นนำ

   เมื่อสมัยม.ปลาย เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะไปเรียน รด. กันเป็นเรื่องปกติซึ่งสาเหตุหลักก็คือจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ทหารในอนาคต ส่วนตัวผมเองนั้นไม่ได้เรียนไปกับเขา เพราะขี้เกียจก็ส่วนหนึ่ง กับอีกส่วนหนึ่งคือไม่เห็นมันจะน่าเรียนตรงไหน การเรียน รด. เพื่อจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ทหารก็เป็นเหตุผลที่ไม่ดีพอในความคิดผม เพราะเรียน รด. ต้องเรียนตั้งสามปี ขณะที่การไปเป็นทหารเกณฑ์ อย่างมากก็สองปี ซึ่งความเป็นจริงก็น้อยกว่านั้น เพราะยังไงผมก็เรียนจบปริญญาตรีอยู่แล้ว ก็จะลดระยะเวลาประจำการเหลือ 6 เดือน (กรณีสมัคร) หรือ 1 ปี (กรณีโดนใบแดง) แล้วการเป็นทหารก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน สำหรับผมในตอนนั้นมันน่าสนใจด้วยซ้ำ

   ตอนที่อาจารย์แนะแนวมาถามไถ่ถึงเรื่องการไม่เรียน รด. ผมก็ตอบไปด้วยความมั่นใจว่า ผมจะสมัครเกณฑ์ทหารครับ ง่ายๆ ตัดปัญหาจะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรกันยืดยาว

   แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะเชื่อคำโฆษณาที่ว่า "เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด" หรือคุณค่า ค่านิยมมากมายที่ปลูกฝังกัน เช่น หน้าที่ลูกผู้ชายไทย เรื่องพวกนั้นไม่ได้มีผลกับการติดสินใจของผมเลยแม้แต่น้อย

   จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากเป็นทหารอะไรมากมายนัก แค่เห็นว่ามันไม่เห็นจะเป็นเรื่องเดือดร้อนจนถึงขั้นต้องดิ้นรนเรียน รด. เพื่อจะได้รอดพ้นอะไรแบบนี้ แถมตอนนั้นผมเองก็มีความคิดอยากจะเป็นครู ซึ่งถ้าเป็นครูมันก็ไม่ต้องมาเป็นทหาร หรือต่อให้ไม่ได้เป็นครู เรียนจบมาก็สมัครเป็นทหาร จากนั้นค่อยมาหาอะไรทำกันต่อก็ไม่เสียหายอะไร ไม่ใช่แค่ไม่เสียหาย ผมว่ามันน่าจะได้ประสบการณ์ที่ดีอยู่เหมือนกัน

   คือว่า ตอนนั้นก็เล่นกีฬา แล้วก็สนใจพวกศิลปะการต่อสู้ ก็เลยทำให้บ้าพลังอยู่เหมือนกัน ชอบออกกำลังกายแบบสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งยืดหยุ่นคล่องตัว ก็เลยคิดว่าการไปเป็นทหารแบบจริงจังน่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้พอสมควร

   ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ผมจึงไม่เคยมีความคิดกลัวการเป็นทหารเลย อยากเป็นด้วยซ้ำไป คิดเสียว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี