กลายเป็นคน "ขาด" (แต่ไม่ขี้ขลาด)

ผลก็คือ ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ

ที่มาที่ไปก็คือ ปีแรกที่เกิดมาอายุ 20 ปี ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ก็ได้ไปทำเรื่องผ่อนผันการเกณฑ์ทหารช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นปกติ เพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยส่งเรื่องไปที่สัสดีเขต พอเดือนเมษายนปีต่อไป ผมก็จะได้มีรายชื่อเป็นพวกผ่อนผัน ซึ่งไปครั้งแรกนั้นจะมีการตรวจร่างกายเหมือนคนมาเกณฑ์ทหารทั่วไป จากนั้นก็ตรวจดูรายชื่อผ่อนผันถ้ามีชื่อเราก็จะได้ "ใบผ่านการเกณฑ์ทหาร" (แบบ สด.43) มาครอง ในใบจะระบุชัดเจนว่า เรา "ผ่อนผันตามมาตรา 29 (3)" เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้

ทีนี้นอกจากใบ สด.43 แล้ว เราก็จะได้หมายเรียกสำหรับปีถัดไป ซึ่งเราต้องไปรายงานตัวเพื่อรับหมายเรียกทุกปีแม้จะผ่อนผันก็ตาม ปีถัดไปผมก็ไปรายงานตัวปกติ

แต่อีกปีนี่สิ ด้วยความเลินเล่อ ประกอบกับเป็นช่วงชีวิตที่ไม่มั่นคง ลืมวันลืมคืน ทำให้ผมไม่ได้ไปรายงานตัว กว่าจะนึกได้ก็สองทุ่มของวันนั้นแล้ว (เขาคงจับใบดำใบแดงกันเสร็จแล้วล่ะ) งานเข้าเลยครับพี่น้อง รู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร และด้วยการที่เป็นคนเรื่อยเปื่อยก็เลยปล่อยไป

หลังจากนั้นสองเดือน สำนักงานตำรวจฯ ก็ส่งหมายเรียกผู้ต้องหามาที่บ้าน เป็นคดีความอาญา เป็นผู้ต้องหาว่า "เป็นทหารกองเกินไม่ไปแสดงตนเพื่อรับหมายเรียก" ผู้ฟ้องก็ไม่ใช่ใคร สำนักงานเขตที่เราสังกัดอยู่นั่นเอง ตอนนั้นตกใจมาก ไม่รู้จะโดนอะไร ติดคุกหรือเปล่า แล้วเรื่องเรียนล่ะ การเงินยิ่งไม่ค่อยมั่นคงอยู่ แต่ก็ต้องไปไม่งั้นคงเป็นเรื่องใหญ่อีก

พอไปถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นคนรับเรื่องและนัดให้เราไปก็อธิบาย(เกือบ)ดี แทบไม่รู้เรื่อง แต่สรุปคือต้องไปขึ้นศาลในวันเดียวกันนั้นเลย ผมก็ไปรอที่ศาล นัดกันไว้บ่ายโมง แต่กว่าพี่แกจะมาก็ล่อไปบ่ายสาม นี่ถ้าไม่ทันศาลปิดแล้วจะไปโทษใครล่ะนี่

ตอนนั่งในศาลก็ให้อารมณ์แปลกๆ ดี เพราะไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน ถือเป็นประสบการณ์

ศาลก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเรา ผมก็ได้แต่ต้องยอมรับเพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วก็ต้องโทษจำคุก 3 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี คือตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ได้ยินแต่ว่าจำคุกก็ตกใจกันไป แต่คุณตำรวจที่พามาก็บอกว่ารอลงอาญาก็ไม่ต้องไปติดคุกจริงๆ เหมือนเป็นการโดนทัณฑ์บน เสร็จแล้วก็ไปทำเรื่องอีกนิดหน่อยตามระเบียบขั้นตอน แต่ขั้นตอนที่สำคัญก็คือเราต้องคัดคำฟ้อง หมายถึงขอสำเนาเกี่ยวกับคดีของเรา เอาไว้เป็นหลักฐานว่าศาลตัดสินแล้ว คดีสิ้นสุดแล้ว

ความตกใจยังไม่หายไปไหน เมื่อคุณตำรวจบอกว่า อาจจะผ่อนผันไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็งานเข้าเลย ที่ผมกังวลก็ไม่พ้นเรื่องเรียนล่ะ เพราะผมลงเรียนไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา ไหนจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวการเปลี่ยนหลักสูตรอีก กังวลไปต่างๆ นานา

แต่แล้วปีถัดไปที่ไปรายงานตัว ก็ไม่มีปัญหาอะไร ชื่อผมยังอยู่ในบัญชีคนผ่อนผันอยู่ และยังผ่อนผันต่อไปตามปกติ (จนถึงอายุ 26)

เพียงแต่ว่า พอพ้นสิทธิ์ผ่อนผัน หรือสละสิทธิ์เอง จะไม่มีสิทธิ์จับใบดำใบแดง ต้องเป็นทหารทันที
อันนี้ผมก็ไม่กลัวหรอก เพราะผมก็วางแผนไว้ว่าพอเรียนจบก็จะสมัครเป็นทหารอยู่แล้ว เพียงแต่ระยะเวลามันเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา จะ 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ไม่ต่าง เพราะเป้าหมายผมอยู่ที่การฝึกทหารใหม่ช่วง 2 เดือนแรก

สิ่งที่กังวลก็แค่ กลัวจะผ่อนผันต่อไม่ได้ ซึ่งมันจะส่งผลกระทบอย่างแรงต่อระบบการเรียนที่ผมวางแผนไว้

ส่วนหน้าที่และสิทธิของผู้ผ่อนผันโดยทั่วไปนั้น ตามที่เขาบอกไว้ก็มีแค่ว่า สามารถสละสิทธิ์ผ่อนผันได้ภายใน 12.00 น. และเมื่อจบการศึกษา หรือออกจากสถานศึกษาเดิม ต้องแจ้งต่อสัสดีภายใน 30 วัน มิฉะนั้นจะมีความผิดอาญา (อีกแล้ว) แต่ตอนที่ผมจบ ผมก็ไม่ได้ไปแจ้ง ก็ไม่เห็นมีอะไร แถมยังผ่อนผันต่อได้อีกตั้ง 2 ปี (อันนี้ไม่รู้จริงๆ เขาอาจจะอะลุ่มอะหล่วย แต่ไม่ชัวร์ก็อย่าทำแบบผมเลย ทำตามระเบียบกฎหมายเถอะ)